top of page

คุณว่าพระเจ้าของเราใจดีแค่ไหน แล้วถ้าพระองค์อยากจะเพิ่มพูนสิ่งต่างๆ ให้เรา จะต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ?

“วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี มารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น เมื่อเหล้าองุ่น หมดแล้ว มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น” พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ไม่ใช่ธุระของท่าน เวลาของเรายังมาไม่ถึง” มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด” มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบ เพื่อชำระตามธรรมเนียมของพวกยิว จุน้ำโอ่งละประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูตรัสสั่งพวกคนใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด” แล้วพวกเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกเขาว่า “จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด” เขาก็เอาไปให้ เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่ค่อยดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงเดี๋ยวนี้” หมายสำคัญครั้งแรกนี้พระเยซูทรงทำที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี และทรงแสดงพระสิริของพระองค์ พวกสาวกของพระองค์ก็วางใจพระองค์” - ยอห์น‬ ‭2:1-11‬ ‭THSV11‬‬

คุณว่าพระเจ้าของเราใจดีแค่ไหน แล้วถ้าพระองค์อยากจะเพิ่มพูนสิ่งต่างๆ ให้เรา จะต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ?

เรามักจะคิดว่า การที่พระเจ้าจะเพิ่มพูนอะไรสักอย่างให้กับเรา หรือเลี้ยงดูเราไม่ให้ขัดสน จะต้องเป็นเฉพาะตอนที่เรากำลังทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระองค์ เช่น ถวายตัวรับใช้เป็นผู้รับใช้เต็มเวลา หรือออกไปประกาศเรื่องราวของพระเจ้าในดินแดนห่างไกล
.
เหมือนอย่างตอนที่พระองค์ทรงเพิ่มพูนขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเพื่อเลี้ยงดูคนห้าพันคน (ยน.6:1-14)
.
แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราย้อนกลับไปดูการทำอัศจรรย์ครั้งแรกของพระเยซู ที่พระเยซูทรงเปลี่ยนน้ำเปล่าให้กลายเป็นไวน์รสเลิศ (ยน.2:1-11)
.
คำถามที่น่าสนใจคือ พระองค์ทรงทำเพื่อใครหรือเพื่ออะไร
.
พระเยซูทรงทำเพื่อให้โลกเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเหรอ ก็ไม่ใช่ เพราะพระองค์ไม่ได้เปิดเผยตัวว่าพระองค์เป็นใคร มีเพียงมารีย์ คนใช้ที่ตักน้ำ กับเหล่าสาวกของพระองค์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
.
พระเยซูทำเพื่อเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์เหรอ ก็ไม่ใช่ วันนั้นเป็นงานเลี้ยง ไม่มีใครหิว ไม่มีใครกระหาย มีแต่คนที่กินดื่มกันอย่างเต็มที่จนเมามายกันแล้วด้วยซ้ำ (แค่เหล้าองุ่นหมดก่อนเวลาอันควร คนยังเมาไม่จุใจ)
.
ไม่มีใครเดือดร้อน ไม่มีใครลำบาก ไม่มีใครรู้เห็นเป็นพยาน จริงๆ พระองค์จะไม่ทำอะไรก็ได้ !!!
.
แล้วถ้าพระองค์ไม่ทำล่ะ จะมีใครต้องอดตายมั้ย ก็ไม่ จะมีใครต้องเดือดร้อนลำบากมั้ย ก็ไม่ อย่างมากที่สุดก็มีแค่เจ้าภาพที่อาจจะต้องเสียหน้าเล็กน้อย ด้วยสถานการณ์แบบนี้พระองค์จะไม่ทำก็ได้ แต่พระองค์ก็ทรงทำ พระองค์ทำเพื่อบ่าวสาว เจ้าภาพ และแขกที่มางานแต่งงานนั้น
.
บางคนอาจจะคิดว่า เป็นเพราะมารีย์มารดาของพระองค์ทูลขอ เขาอาจคิดว่าเพราะมารีย์เป็นแม่ของพระองค์ พระองค์เลยต้องทำตามใจแม่ แต่ผมว่านั่นก็ไม่น่าใช่ เพราะพระเยซูบอกอยู่แล้วว่า พระองค์ไม่ได้ทำตามใจใคร ไม่ได้ทำตามใจตัวเองด้วยซ้ำ พระองค์จะทำตามพระทัยพระบิดาเท่านั้น (ยน.5:19,30)
.
นั่นแปลว่า ที่พระเยซูทรงทำ ก็เพราะพระบิดามีพระทัยที่อยากจะช่วยเหลือเจ้าภาพงานแต่งนั้น ทั้งที่มันไม่ได้ส่งผลต่อจิตวิญญาณของใคร หรือช่วยให้อาณาจักรของพระเจ้าขยายออกไปเลย
.
พระคัมภีร์ตอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระทัยพระบิดาที่ปรารถนาจะเพิ่มพูนสิ่งดีในชีวิตให้กับเราทุกคนอยู่แล้ว พระองค์อยากเปลี่ยนน้ำเปล่าในชีวิตของเราให้กลายเป็นเหล้าองุ่นรสเลิศเช่นกัน
.
พระองค์รอเพียงให้เราทำตัวเป็นเหมือนมารีย์ที่เดินเข้ามาหาพระองค์แล้วทูลขอโดยไม่ลังเลใจในความดีงามของพระองค์ และไม่สงสัยในความยิ่งใหญ่ของพระองค์
.
ถ้าวันนี้เรากำลังทำธุรกิจ หรือทำการงานใดๆ แต่ยังไม่เห็นการเกิดผล ยังไม่เห็นการเพิ่มพูนทวีคูณอย่างอัศจรรย์ เราน่าจะลองกลับมาย้อนถามตัวเองแบบนี้ว่า
.
เราเชื่อหรือไม่ว่า พระเยซูจะเปลี่ยนน้ำเปล่า (งาน/ธุรกิจธรรมดาๆ) ให้กลายเป็นเหล้าองุ่นรสเลิศ (งาน/ธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่) ได้หรือไม่ ความยากที่เราจะประสบความสำเร็จมันมากกว่าการเปลี่ยนน้ำเปล่าให้กลายเป็นเหล้าองุ่นหรือ ?
.
หรือเรามัวแต่คิดว่า พระเจ้าคงไม่ทำหรอกเพราะนั่นเป็นเพียงงานหรือธุรกิจที่เลี้ยงชีวิตของเราเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้กำลังไปช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนทนทุกข์ลำบาก มันไม่ได้มีผลกับการนำข่าวประเสริฐไปสู่บรรดาประชาชาติ
.
ถ้าคุณเผลอคิดแบบนั้นอยู่ อย่าลืมพระคัมภีร์ตอนนี้ พระเยซูไม่ได้กำลังช่วยเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานหรือเจ้าภาพเพราะเขากำลังทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงแต่งงาน และทุกคนก็กำลังอิ่มหนำสำราญด้วยซ้ำ
.
พระเจ้าอยากช่วยพวกเขา เพียงเพราะพระองค์รักพวกเขา ก็เท่านั้น !!!
.
ปัญหาจึงเหลือแค่ว่า เพราะเราไม่เชื่อเราจึงไม่ได้ขอ เพราะเราไม่ได้ขอเราจึงยังไม่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเท่านั้นเอง น่าเสียดายเนอะ 🥲
.
---------------
.
“วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี มารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น เมื่อเหล้าองุ่น หมดแล้ว มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น” พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ไม่ใช่ธุระของท่าน เวลาของเรายังมาไม่ถึง” มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด” มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบ เพื่อชำระตามธรรมเนียมของพวกยิว จุน้ำโอ่งละประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูตรัสสั่งพวกคนใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด” แล้วพวกเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกเขาว่า “จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด” เขาก็เอาไปให้ เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่ค่อยดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงเดี๋ยวนี้” หมายสำคัญครั้งแรกนี้พระเยซูทรงทำที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี และทรงแสดงพระสิริของพระองค์ พวกสาวกของพระองค์ก็วางใจพระองค์” - ยอห์น‬ ‭2:1-11‬ ‭THSV11‬‬

For more information, contact us.

DoYourWill Co.,Ltd. 79/78 The Plant Simpls, Soi Ramkhamhaeng 118, Ramkhamhaeng Road, Saphan Sung Subdistrict, Saphan Sung District, Bangkok, Thailand. 
Phone: 080-614-6514​ Email: info.workingtribes@gmail.com or via Line OA : @workingtribes

Copyright © 2017. DoYourWill Co.,Ltd. All Rights Reserved.

bottom of page