ต่อรองอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ดี (และตรงตามหลักการพระคัมภีร์ด้วย)

การเจรจาต่อรองเป็นทักษะสำคัญในการทำธุรกิจ การที่จะทำให้เกิดความร่วมมือและบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้และทักษะการเจรจาต่อรอง แต่ยังต้องคำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมในการตัดสินใจอีกด้วย
.
พระคัมภีร์ได้ให้หลักการและข้อคิดที่เป็นแนวทางที่ดีสำหรับการพัฒนาทักษะการเจรจาต่อรองที่มีประสิทธิภาพและดีต่อธุรกิจในระยะยาวไว้ดังนี้
.
-------
.
1️⃣ การเจรจาด้วยความซื่อสัตย์และความจริงใจ
.
ในธุรกิจ การรักษาความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระยะยาว พระคัมภีร์กล่าวถึงความสำคัญของการพูดความจริงไว้ใน สุภาษิต 12:22 (THSV11) ว่า:
.
“พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังปากที่พูดมุสา แต่ทรงปีติยินดีในคนที่ประพฤติอย่างซื่อสัตย์”
.
การพูดความจริงไม่ใช่เพียงการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นการแสดงถึงเจตนาที่บริสุทธิ์ การหลอกลวงหรือปกปิดข้อมูลไม่เพียงแต่ทำให้การเจรจาล้มเหลว แต่ยังส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและความสัมพันธ์ในระยะยาว
.
-------
.
2️⃣ การฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจผู้อื่น
.
หนึ่งในทักษะสำคัญในการเจรจาคือการฟัง ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพียงเพื่อจะโต้แย้ง การฟังอย่างตั้งใจช่วยให้เราเห็นความต้องการและข้อกังวลของอีกฝ่าย ซึ่งจะทำให้เราสามารถหาข้อเสนอที่เหมาะสมและยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
.
ยากอบ 1:19 (THSV11) กล่าวว่า:
.
“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ”
.
การฟังอย่างตั้งใจ เป็นการแสดงถึงความเคารพและการให้คุณค่าในความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นพื้นฐานสำหรับการเจรจาที่มีประสิทธิภาพ
.
-------
.
3️⃣ ความอ่อนโยนและความอดทนในการเจรจา
.
บางครั้งการเจรจาอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือความขัดแย้ง การตอบสนองด้วยความอ่อนโยนและความอดทนเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์แนะนำให้เรายึดถือ โคโลสี 3:12 (THSV11) ได้เตือนว่า:
.
“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน”
.
เมื่อเราแสดงความอ่อนโยน เราจะสามารถลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกที่เหมาะสม ในขณะที่ความอดทนช่วยให้เราสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างมีสติ
.
-------
.
4️⃣ การหาจุดร่วมและทำงานร่วมกัน
.
การเจรจาที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่การเอาชนะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการหาจุดร่วมที่ทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ การทำงานร่วมกันและการแบ่งปันเป้าหมายร่วมเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์ส่งเสริม
.
ฟีลิปปี 2:4 (THSV11) กล่าวว่า:
.
“อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย”
.
การเจรจาที่ดีคือการมองข้ามความต้องการส่วนตัวและพิจารณาความเป็นไปได้ที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย โดยทำให้การตกลงกันเป็นเรื่องที่เป็นธรรมและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรง
.
-------
.
5️⃣ การไว้วางใจในพระเจ้าและขอการทรงนำจากพระองค์
.
บางครั้งในการเจรจา เราอาจพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและไม่สามารถหาทางออกได้ การไว้วางใจในพระเจ้าและขอการทรงนำจากพระองค์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะพระเจ้าเป็นแหล่งแห่งสติปัญญาและเป็นผู้จัดเตรียมหนทางที่ดีเลิศให้กับเราเสมอ
.
สุภาษิต 3:5-6 (THSV11) กล่าวว่า:
.
“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น”
.
เมื่อเราไว้วางใจในพระเจ้าและขอให้พระองค์ทรงนำ เราจะสามารถผ่านสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ด้วยสติปัญญาและความมั่นใจ
.
-------
.
🔴 สรุป
.
การเจรจาต่อรองไม่ใช่แค่การทำให้ได้สิ่งที่เราต้องการ แต่เป็นการสร้างความร่วมมือที่มีความยั่งยืน โดยยึดหลักการจากพระคัมภีร์ เช่น ความซื่อสัตย์ ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความอ่อนโยน และความไว้วางใจในพระเจ้า จะช่วยให้เรามีทักษะการเจรจาที่เป็นที่ยอมรับและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย